Website กับ Sale Page ต่างกันอย่างไร ทำไม Sale Page จึงสำคัญ?
ความแตกต่างของเซลเพจ vs เว็บไซต์ทั่วไปนั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของสเกลและขนาดของเว็บไซต์ ไปจนถึงจุดประสงค์ในการใช้งาน โดยจุดประสงค์หลัก ๆ ของหน้า Sale Page คือ เพื่อปิดการขายเป็นหลัก โดยทำให้ผู้ที่สนใจหรือลูกค้านั้นสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ได้ภายในหน้าเดียว ซึ่งฟีเจอร์และตัวเลือกต่าง ๆ ของหน้า Sale Page จะถูกออกแบบมาเพื่อซัปพอร์ตและรับรองการขายอย่างเต็มที่ ในขณะที่เว็บไซต์ทั่ว ๆ ไปนั้นจะมุ่งเน้นไปที่การให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ธุรกิจหรือแบรนด์ รวมทั้งอาจจะมีหน้า e-commerce เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เลือกซื้อสินค้าด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อขายสินค้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อคุณต้องการกระตุ้นยอดขายอย่างมืออาชีพ หน้าเซลเพจจึงมีข้อดีมากกว่าเว็บไซต์อย่างแน่นอน
หากคุณมีข้อสงสัยว่า Sale Page ดียังไง เหมาะกับใคร ก็ให้คิดง่าย ๆ ว่า Sale Page คือตัวช่วยด้านการตลาดสำหรับธุรกิจสินค้าหรือบริการ เหมาะกับเหล่าผู้ค้าขายบนโลกออนไลน์ ที่มีการทำการตลาดช่องทางอื่น ๆ ร่วมกับการยิงโฆษณาบน Facebook, TikTok และ Instagram ซึ่งมีระบบ Facebook Pixel ที่ช่วยให้การยิงโฆษณามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยวิเคราะห์เป้าหมายได้อย่างตรงจุด เซลเพจมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ขายเท่านั้น จึงทำให้ไม่มีปุ่มมากมาย ไม่มีเมนูเยอะแยะเกินความจำเป็น ลูกค้าสามารถกดเข้ามา แล้วกดสั่งซื้อสินค้าหรือบริการได้เลย อีกทั้งยังรองการใส่ Tag ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Line Tag, Google Tag Manager พร้อมเพิ่มปุ่มเพื่อเชื่อมต่อไปยังทุกแพลตฟอร์มของคุณได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังใช้งานง่าย คุณเองก็สามารถเข้าไปจัดแต่งหรือตั้งค่าหน้าเซลเพจได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ สามารถใช้ผ่านมือถือได้ ซึ่งต่างจากเว็บไซต์ใหญ่ ๆ ที่ต้องจัดการผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น
หน้า Sale Page คือเว็บไซต์ E-commerce ในรูปแบบที่เหนือกว่า
เมื่อทราบถึงความแตกต่างระหว่างเซลเพจ vs เว็บไซต์ใหญ่ ๆ ไปแล้ว หัวข้อต่อไปที่เกี่ยวข้องกับ Sale Page นั่นก็คือความแตกต่างระหว่างหน้า Sale Page และเว็บไซต์ E-Commerce ทั่ว ๆ ไปนั่นเอง หากจะอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่า Sale Page ดียังไง คงต้องบอกว่า Sale Page เป็นหน้าที่ถูกสร้างมาเพื่อขายสินค้า ที่คุณสามารถแสดงรายละเอียด จุดเด่น และโปรโมชันของสินค้าและบริการได้อย่างเต็มที่ภายในหน้าเดียว โดยที่กลุ่มเป้าหมายของคุณจะไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกันจากเจ้าอื่น ๆ แต่ถ้าหากเป็นเว็บไซต์ E-Commerce ทั่ว ๆ ไปเช่น Shopee , Lazada หรือแม้แต่บน Facebook Marketplace ผู้ซื้อของคุณมักจะเจอ กับหน้าที่แสดงสินค้าและบริการจากหลากหลายเจ้า หลากหลายราคา ส่งผลให้เกิดการแข่งขันสูง และอาจจะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าหรือบริการจากเจ้าอื่น ๆ ได้ เนื่องจากผู้ค้าขายรายอื่น ๆ แข่งกันตัดราคาเพื่อจูงใจกลุ่มผู้บริโภคนั่นเอง
ด้วยความแตกต่างในส่วนนี้ ทำให้หน้า Sale Page คือคำตอบที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี มีการแสดงเพียงสินค้าของคุณเท่านั้น แต่จะมีเพียงแค่การแข่งขันกันในการซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงการทำ SEO เพื่อให้ติดหน้าค้นหาบน Search Engine เท่านั้นเอง
หน้า Sale Page คือคำตอบ สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการทำเว็บไซต์
เมื่อคุณเริ่มต้นธุรกิจบนโลกออนไลน์ สิ่งที่จำเป็นในการสร้างแบรนด์และสร้างความน่าเชื่อถือก็คือเว็บไซต์ อีกทั้งเว็บไซต์ยังช่วยอำนวยความสะดวกต่างให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการให้ข้อมูล ประกาศโปรโมชันต่าง ๆ รวมถึงช่องทางการติดต่อ และคุณยังสามารถใช้เว็บไซต์คู่กับอีกหลากหลายแพลตฟอร์มเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย แต่สร้างเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลเยอะ มีหลากหลายหน้าอย่างการใช้ WordPress นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากพอควรหากไม่มีพื้นฐานในการทำเว็บไซต์มาก่อน ในการจ้างผู้อื่นให้ทำเว็บไซต์ก็ถือว่ามีราคาสูง และใช้เวลานาน การแก้ไขปรับเปลี่ยนก็ต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หน้า Sale Page คือสิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับทุกคน ทั้งผู้ที่ไม่มีและมีพื้นฐานในการทำเว็บไซต์ เพราะระบบของหน้า Sale Page ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย สามารถทำได้ผ่านมือถือของคุณ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานใด ๆ นอกจากนี้ก็มีราคาที่ต่างกับการทำเว็บไซต์มากเลยทีเดียว อย่างราคาสำหรับการเริ่มต้นทำหน้า Sale Page กับ Fastcommerz ก็แค่เริ่มต้นเพียง 1,990 บาท ต่อปีเท่านั้น สามารถมี Domain หรือชื่อเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ รองรับการทำ SEO, Up-sell และเครื่องมือการตลาดต่าง ๆ ตอบโจทย์ทุกธุรกิจอย่างรอบด้านแน่นอน
Sale Page จำเป็นไหมสำหรับธุรกิจที่มี Facebook Page
กหนึ่งคำถามที่มักจะถูกถามอยู่บ่อย ๆ ก็คือ “Sale Page จำเป็นไหม?” ถ้าหากว่ามี Facebook Page อยู่แล้ว? คำตอบก็คือ “จำเป็น” เพราะอย่าลืมว่า Facebook ใช้แอดมินในการปิดขายในแชทเท่านั้น แต่ Sale Page คือตัวช่วยรองรับและซัปพอร์ตการขายให้มีความสะดวกสบายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้จำหน่ายสินค้าและบริการเอง หน้า Sale Page ก็จะมีระบบแจ้งเตือนออเดอร์อัตโนมัติทาง Line ให้กับทีมงานของคุณ โดยโชว์ทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ออร์เดอร์ พร้อมสลิปโอนเงินจากลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อผ่านทาง Sale Page
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากที่สุดควรใช้ทั้ง Sale Page และ Facebook Page (หรือ Social Media อื่น ๆ) โดยคุณสามารถสร้างโฆษณาหรือให้ข้อมูลเพื่อโปรโมตแบรนด์ของคุณได้บน Facebook Page และแนบลิ้งก์ Sale Page ไว้เพื่อให้ลูกค้าเข้ามากดสั่งซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายมากยิ่งขึ้น หรือคุณจะเพิ่มปุ่มสำหรับติดต่อสอบถามกับแอดมินเพจโดยตรงไว้บนหน้า Sale Page ก็ได้เช่นกัน
แต่ถ้าหากจะให้ได้ผลดีที่สุด แนะนำว่าควรปิดการขายให้จบได้ในหน้า Sale Page เลย นอกจากการออกแบบหน้า Sale Page ให้มีความใช้งานง่าย ชัดเจนแล้ว ก็ยังควรต้องใช้เนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่ดี สั้น กระชับ ดึงดูด และเข้าใจง่าย พร้อมมีรูปรีวิวประกอบการตัดสินใจด้วย เพื่อช่วยทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจเกี่ยวกับสินค้าของคุณมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปิดการขายได้ในเวลาไม่กี่นาที เพราะส่วนใหญ่ลูกค้ามักเลือกซื้อสินค้าและบริการจากอารมณ์และความชอบ นอกจากนี้แล้ว การทำการตลาดด้านอื่น ๆ ก็ยังจำเป็นอยู่ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สรุปแล้วเซลเพจคืออะไร ควรใช้หรือไม่?
สรุปแล้ว หน้า Sale Page คือหนึ่งในตัวช่วยในการปิดการขายที่สะดวก ประหยัด รวดเร็วและได้ผลดีเลยทีเดียว เพราะเป็นเพียงเว็บไซต์หน้าเดียวที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า บริการ หรือโปรโมชันต่าง ๆ อย่างเฉพาะเจาะจง ทำให้ลูกค้าสามารถเห็นข้อมูลทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น และเกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่าปกติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำการตลาดให้ได้ผลสูงสุดและได้ผลต่อเนื่อง คุณควรทำการตลาดจากช่องทางอื่น ๆ ร่วมด้วย หากคุณต้องการมองหาบริษัทหรือทีมงานเพื่อช่วยสร้างหน้า Sale Page อย่างมืออาชีพ สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ 09.30น. – 18.30 น. และวันเสาร์ 10.30น. – 16.30 น. ได้ผ่านช่องทางอีเมล: fastcommerz@gmail.com หรือโทร: 084-509-5545
