CTA คืออะไร? เป็นปุ่มคลิกที่ช่วยสร้างยอดขายแก่แบรนด์ในยุคปัจจุบันอย่างไรบ้าง? ทาง Fastcommerz เว็บ Sale Page สำเร็จรูปจึงช่วยมาแนะนำทริปการทำ CTA ฉบับเข้าใจง่าย ๆ ให้นักการตลาดสามารถประยุกต์การพัฒนาธุรกิจแบบยั่งยืน
CTA คืออะไร มีหน้าที่ต่อการทำคอนเทนต์ในด้านใดบ้าง
CTA ย่อมาจาก Call to action คือ ปุ่มลักษณะแบนเนอร์ที่สามารถพบได้ในเนื้อหาคอนเทนต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพโปรโมทสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือแม้แต่การ ยิงแอด Facebook รายละเอียดของตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ล้วนมีปุ่ม CTA แนบประกอบไว้เพื่อสร้างจุดสร้างแรงดึงดูดทางสายตาให้แก่ผู้ชม เกิดความสนในคอนเทนต์มากขึ้น โดยการมีตัวตน CTA คือ เป็นปุ่มตัวกระตุ้นการตัดสินใจ ปิดการขาย พร้อมคืนกำไรสู่แบรนด์ของคุณได้ในทันที รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
รู้หรือไม่จริงๆแล้ว Call To Action เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาในเว็ปเรา
เพราะจริงๆ แล้ว CTA สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นป้ายหน้าร้านต่างๆ ป้ายโฆษณาตามห้างสรรพสินค้า หรือป้ายบอกทางระหว่างขับรถบนโลกออฟไลน์ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจเป็นพิเศษคือ การเขียน Copywriting ชวนอ่าน ก็ดึงดูดความสนใจให้ผู้ชมรู้สึกอยากคลิกกดดูเนื้อหาในหน้าต่างถัดไป โดยเริ่มต้นการเขียน CTA จากส่วน Title เป็นอันดับแรก หากคุณสร้าง CTA ที่ชวยชนจุดประเด็นให้ผู้ชมสนใจได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นการ Lead ผู้ชมเข้าสู่เนื้อหา
เว็บไซต์ ได้อีกหนึ่งเคล็ดลับ
เทคนิคการเขียน Call To Action
จุดเริ่มต้นของการเขียน Call To Action ที่มีแต่ข้อความน่าเบื่อ ไม่ชวนกดคลิกดูต่อ ให้เริ่มจากการคิดคำหัวข้อของคอนเทนต์ เป็นตัวจุดประเด็นให้ผู้อ่านรู้สึกอยากดูเนื้อหาต่อ แต่หากคุณไม่รู้จะคิด Idea มาเติมข้อความ CTA อย่างไรดี ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการทำเว็บไซต์ของ Fastcommerz ที่ช่วยนำเสนอตัวอย่างการเขียนข้อความ Call To Action เด็ดๆ ชวนซื้อ ชวนกด และน่าอ่านต่อ ให้ลูกค้าได้ประยุกต์ในการออกแบบเว็บไซต์ได้อย่างมีศักยภาพ มีเทมเพลต CTA สำเร็จรูปให้เลือกใช้มากมาย รับประกันดีไซน์และ Copywrting ของเรา ช่วยสร้างยอดขายให้กับธุรกิจคุณแน่นอน
ความสำคัญของ CTA ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อแก่ผู้ชมอย่างไร
การใช้ CTA (Call To Action) เป็นส่วนหนึ่งในเนื้อหาคอนเทนต์ที่มีความสำคัญต่อการสร้างข้อเสนอแก่ผู้ชมสูง ด้วยรูปแบบดีไซน์ของ CTA ที่น่าสนใจ สะดุดตา และตรงไปตรงมา จึงเป็นปุ่มคลิกที่ชักชวนให้ผู้รับชมสามารถเข้าร่วมกิจกรรมภายในคอนเทนต์ได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้ง CTA เป็นปุ่มดีไซน์ที่ช่วยเก็บรายละเอียดข้อมูล Conversion กลับเข้าสู่ระบบหลังบ้าน จึงเป็นผลประกอบการวิเคราะห์ของคอนเทนต์ที่ผลิตออกไปในแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อสร้างอัตรายอดคลิกที่กลุ่มเป้าหมายได้ทำการปฎิสัมพันธ์กับตัวปุ่ม CTA อีกด้วย
แนะนำ 10 เทคนิคการสร้าง CTA ครอบคลุมจุดประสงค์การใช้งานการตลาดออนไลน์ทุกคอนเทนต์
นอกจากปุ่มคลิก Call To Action เป็นตัวสร้างจุดความสนใจแก่ผู้รับชมแล้ว ยังเป็นปุ่มที่กระตุ้นให้ผู้รับข่าวสารเกิดความปฎิสัมพันธ์เข้าร่วมกิจกรรมคอนเทนต์กับแบรนด์มากขึ้น จึงมี 10 เทคนิคการสร้าง CTA คือดังต่อไปนี้
1.ใช้คำ CTA ที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย
การเลือกประโยคที่มีความหมายชัดเจนในการทำ CTA คือ เป็นปุ่มคลิกที่ช่วยทำให้ผู้ชมสามารถตีความได้อย่างเข้าใจโดยไม่มีข้อสงสัย ด้วยบางประโยคอย่าง ซื้อสินค้า , ช็อป, ดาวน์โหลดเลย! , สมัครสมาชิก หรือติดต่อผ่านช่องทางอื่น ๆ สามารถเป็นปุ่มคลิกสำหรับการช่วยตัดสินใจซื้อแก่ผู้ซื้อได้ทันที หากดีไซน์ตัวปุ่ม CTA ให้มีความโดดเด่น สอดคล้องเข้ากับสีของตัวแบรนด์ จะช่วยกระตุ้นความต้องการของผู้ซื้อเกิดการกดคลิก เพื่อตกลงการเข้าร่วมกิจกรรมคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
2.เห็นปุ่ม CTA แล้วกระตุ้นอารมณ์ เห็นแล้ว “คลิก” ทันที
ด้วยลักษณะของปุ่ม CTA เป็นปุ่มที่ถูกให้ดีไซน์มีสีสันการแสดงภาพหน้าจอให้ถูกโดดเด่นมากที่สุดในโครงสร้างประกอบเว็บไซต์หรือภาพคอนเทนต์ ทำให้ CTA คือปุ่มแบนเนอร์ให้ผู้ชม ชวนกดคลิกแล้วปิดการขายได้ในที่สุด เช่น ปุ่ม CTA ที่มีข้อความประกอบ “ซื้อตอนนที่ลดอีก 60%” เป็นการใช้กลยุทธฺ Up selling ผสมกับประยุกต์ CTA เข้าไปสร้างแรงบันดาลใจให้ซื้อต้องควักเงินเพิ่ม เพื่อรับมูลค่าที่สูงกว่าเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีกทั้งในมุมมองของผู้บริโภคในขณะรับชมคอนเทนต์ผ่านอุปกรณ์ทัชสกีน ดวงตาจะทำการโฟกัสจุดภาพตัดที่โดดเด่นที่สุดบนภาพหน้าจอ ซึ่งก็คือตัวปุ่มคลิก CTA ที่ช่วยดึงดูดสายตาผู้ชมเห็นชัดเจนมากที่สุด
3.ให้คนใช้งานรู้สึกว่าจำเป็นต้องมี CTA อีกหนึ่งกิมมิคให้ผู้ดูรู้สึกสนุกกับการรับชมคอนเทนต์มากขึ้น
การทำการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) จะขาดการทำ CTA ไม่ได้ เพราะการทำ CTA คือเทคนิคที่ช่วยสร้างแม่เหล็กดึงดูดให้ผู้ชมใช้สายตาในการโฟกัสข้อความในแบนเนอร์เป็นอันดับแรก เนื่องจาก CTA เป็นปุ่มเชิญชวนให้ผู้ดูเป็นส่วนร่วมในการรับชมคอนเทนต์ โน้มน้าวใจกลุ่มเป้าหมาย ให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของลูกค้าภายในแบรนด์ของคุณมากขึ้น
4.ให้ CTA ของควรอยู่ในที่หาง่าย ในระดับสายตาของผู้ชม
ถึงแม้ CTA คือปุ่มคลิกที่มีคุณสมบัติให้สายตาผู้ชมโฟกัสหน้าจอเป็นจุดแรก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างปุ่มคลิกที่ดีแก่ CTA คือต้องอยู่ในจุดที่ผู้ชมสามารถเห็นได้ง่าย ไม่ควรจัดวางโครงสร้างของตัวปุ่ม CTA อยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของภาพหน้าจอจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผู้รับชมรู้สึกความไม่สบายใจในการรับชมภายในเนื้อหาคอนเทนต์ ดังนั้นการวาง CTA ที่มีคุณภาพควรจัดวางในจุดกึ่งกลางระดับสายตาแก่ผู้รับชมได้ในทุกแพลตฟอร์ม มอบประสบการณ์มอง User Friendly แก่ผู้ดูและให้พวกเขาสามารถสนุกกับการดู CTA ในคอนเทนต์ได้อย่างสบายตา
5.ลองทำ A/B Testing ตัวไหนชี้วัดผลตอบรับได้ดีกว่ากัน
อยากรู้ว่าการทำแบนเนอร์ CTA เป็นปุ่มคลิกที่มีประสิทธิภาพดีแค่ไหน ลองใช้กลยุทธ์ A/B Testing แล้วออกแบบแบนเนอร์แบ่งเป็นสองแบบ และวางโครงสร้างของตัวปุ่ม CTA ทั้ง 2 ดีไซน์ ให้มีการออกแบบปุ่มคลิกคนละจุดแล้วส่งไปยังให้กลุ่มเป้าหมายกลุ่มเล็ก ๆ ได้ลองรับชมดู แล้ววัดผลดูว่า CTA ทั้ง 2 แบบ ชุดไหนสามารถทำให้ผู้ชมเกิดการปฎิสัมพันธ์ (Conversion) มากหรือน้อยกว่าแค่ไหน
หากแบนเนอร์ CTA ตัวใดตัวหนึ่งชี้วัดผลได้ยอดการปฎิสัมพันธ์กับตัวคอนเทนต์มากสุด คุณสามารถเอาแบนเนอร์ตัวนี้ไปนำเสนอโปรโมทสินค้า ซื้อ-ขาย ให้กับผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ได้ภายหลัง
6.การทำ CTA แบบ Pop Up ต้องใช้ให้ถูกเวลา
การทำ CTA ฉบับ Pop Up จัดเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นการเรียกร้องความสนใจให้ผู้ชม โฟกัสกับแบนเนอร์ภาพเด้งตรงหน้าได้ชัดเจน แต่การจะทำ CTA แบบ Pop Up ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรจัดลำดับการวางคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับบริบทเหตุการณ์และจังหวะเวลาที่ตรงกันอีกด้วย เช่น การทำ Pop up เด้งหน้าจอบริการหลังขายให้ผู้ซื้อ สามารถให้คะแนนความพึงพอใจให้กับการซื้อ-ขายกับแบรนด์ได้ เป็นต้น
7.การใช้ Creative ช่วย CTA ดูมีลูกเล่นน่าสนใจมากขึ้น
การใช้โปรแกรมเพื่อสร้างสรรค์ตัวแบนเนอร์ CTA จะช่วยเชิญชวนให้คนเกิดการกระตุ้นเข้าไปกดตัวคอนเทนต์ได้ เพราะ CTA ที่ดูดีและสร้างผลตอบรับการกดคลิกเป็นจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับดีไซน์ของตัวแบบล้วน ๆ สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมมากน้อยแค่ไหน โดยการออกแบบ CTA ให้สวยงาม สร้างสรรค์ พร้อมเพิ่มความประทับใจแก่ผู้รับชมคอนเทนต์ ควรใช้ลูกเล่นที่ตรงกับจังหวะ พร้อมใช้ Mood&Tone ที่เข้ากับ Template ของตัวบุคลิกภาพของแบรนด์คุณเองเช่นกัน
8.คลิก CTA สามารถแสดงลิงก์ปลายทางที่เห็นผลจริง
การมี CTA ที่สวยงาม เป็นหน้าแบนเนอร์ภายนอกที่เชิญชวนผู้ชมชวนกดเข้าไปดู จำเป็นต้องแสดงภาพหน้าจอลิงก์ปลายทาง สามารถโชว์หน้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากการกดตัว CTA ไม่สามารถแสดงลิงก์ปลายทางได้ตามที่ผู้ชมตามที่คาดหวังไม่ว่าจะเป็น ตัวเว็บโชว์ผลหน้าเว็บช้า หรือตัวลิงก์ที่คลิกขึ้นหน้าจอเป็นเว็บเสีย ไม่สามารถแสดงใช้งานต่อได้ อาจทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกผิดหวัง แล้วเกิดความคิดในแง่ลบกับประการณ์ดูคอนเทนต์ของแบรนด์ได้
9.ทำ CTA ได้ยอด Conversion ตอบกลับในภายหลัง
ไม่ว่าจะทำคอนเทนต์เชิญชวน โฆษณาสินค้า โปรโมทราคาสินค้าบริการพิเศษ ตามแพลตฟอร์มกลุ่มเป้าหมายให้รับชมช่องต่าง ๆ ในเครือข่ายออนไลน์ การทำ CTA คือลูกเล่นบันทึกประวัติยอดอัตรา Conversion ในเนื้อหาของผู้ชม ที่ได้กดกระทำสื่อคอนเทนต์ผ่านหน้าจอได้ จึงเป็นข้อมูลที่สำคัญเพื่อใช้เป็นดัชนีวัดผลคอนเทนต์แต่ละแบบว่า ตัวสื่อแบบไหน สามารถเป็นเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายสามารถทำการปฎิสัมพันธ์กับคอนเทนต์ที่ผลิตออกมามากที่่สุด
10.ใช้ CTA ใน Sale Page ดูสิ
การออกแบบ CTA ผ่านโปรแกรมออฟไลน์ จะไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป หากใช้ Sale Page ของ Fastcommerz เว็บไซต์สำเร็จรูปขวัญใจพ่อค้าแม่ค้าไทยทั้งหมาย ที่พร้อมให้นักธุรกิจแบรนด์หน้าใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ดีไซน์ CTA มาก่อน สามารถขายของออนไลน์ได้อย่างมืออาชีพ เพียงแค่ใช้ระบบ Drag&Drop ก็สามารถรังสรรค์ปุ่มคลิก CTA สวย ๆ ให้เข้ากับสไตล์แบรนด์คุณง่าย ๆ นอกจากนี้เรามีบริการแจก Template มากกว่า 500 รายการ พร้อมแบบโครงสร้างเสนอการขายแบบครบถ้วน ตั้งแต่รายละเอียด คุณสมบัติ ช่องทางชำระของผลิตภัณฑ์หรือบริการ เหมาะเจาะการช้อปปิ้งในยุคปัจจุบัน ที่จบภายในหน้าเดียว
สรุป
การทำ CTA ให้มีการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ออกแบบควรเข้าใจจุดประสงค์ของการทำ CTA แต่ละคอนเทนต์นั้น ทำเพื่ออะไรเป็นอันดับแรก เมื่อตั้งเป้าหมายของการสร้าง CTA คืออะไรเรียบร้อย ค่อยว่ากันเรื่องดีไซน์เป็นอันดับรองลงมาทีหลัง